ระวังโรคหน้าหนาว

     ก่อน สิ้นเดือนมกราคม 2555 อากาศในหลายจังหวัด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครมีความแปรปรวน จากฤดูหนาวกลายเป็นฤดูฝน และในวันที่มีเคลื่อนสุริยะอากาศร้อนอบอ้าว  การที่อากาศหนาวเย็นและแปรปรวน เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคร้ายขึ้นได้หลายชนิด  เช่น โรคหวัด ปอดบวมหรือปอดอักเสบ และไข้หวัดใหญ่

โรคหวัด มักเกิดกับผู้สูงอายุที่ไม่ระมัดระวังสุขภาพ หรือยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัด ทำให้ได้รับเชื้อไวรัสได้ง่าย เช่นเดียวกับปอดบวมหรือไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นกัน และค่อนข้างร้ายแรงกับเด็ก องค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มักมีอาการรุนแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ส่งผลต่อการเจริญเติบโต พิการ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นกัน ผู้ป่วยมักมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กลุ่มอายุที่เสี่ยงคือ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ กับกลุ่มวัยทำงาน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดสูง โดยมีผู้ป่วยเฉลี่ยเดือนละ 1,000 – 2,000 ราย และมีจำนวนเพิ่มสูงถึง 15,000 – 30,000 รายในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน

อีกสองโรคที่พึงระวังคือ โรคหัด กับโรคสุกใส หรือที่เรียกว่า “อีสุกอีใส” ซึ่งโรคหัด เด็กส่วนใหญ่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ตั้งแต่ปีแรกและฉีดกระตุ้น ในปีที่สอง จะทำให้เด็กกลุ่มนี้เสี่ยงน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

โรคสุกใส หรือ อีสุกอีใส เป็นโรคติดต่อค่อนข้างง่าย เกิดจากเชื้อไวรัส ใช้เวลาฟักตัวเฉลี่ย 10 – 20 วันในช่วงต้นฤดูหนาว และเริ่มระบาดมากในช่วงปลายฤดูหนาวเดือนมกราคม - เดือนมีนาคม พบบ่อยในเด็ก  ซึ่งเด็กกลุ่มที่เคยเป็นโรคนี้จะไม่กลับมาเป็นอีก แหล่งแพร่ระบาดคือ โรงเรียนอนุบาล ชั้นประถม และศูนย์เด็กเล็ก

โรคดังกล่าวป้องกันได้ยาก แต่สามารถผ่อนหนักให้เบาลงได้ด้วยการรักษาร่างกายให้อบอุ่น ดูแลชีวิตประจำวันให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัย สำคัญคือ รักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงแหล่งแพร่เชื้อโรค รับประทานอาหารสุกขณะยังร้อน และหมั่นออกกำลังสม่ำเสมอ ในส่วนผู้สูงอายุต้องใช้ความระมัดระวังโดยเฉพาะในห้องปรับอากาศที่หนาวเย็น แม้อากาศในเมืองไทยจะมีอุณหภูมิลดต่ำกว่าปกติ แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงดังเช่นที่เกิดในภูมิภาคอื่น จากรายงานการเสียชีวิตเนื่องจากอากาศหนาวในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พบผู้เสียชีวิต 30 ราย มีเพียง 2 รายที่เสียชีวิตจากอากาศหนาว  และมีประวัติการดื่มสุราเป็นประจำ ประกอบกับนอนโดยไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาพอเพื่อป้องกันอากาศหนาว

กลุ่มผู้สูงอายุนอกจากสภาพร่างกายจะเสื่อมถอยตามอายุแล้ว ยังมีโรคประจำตัวร่วมด้วย สัดส่วนผู้สูงอายุที่เสียชีวิตมากที่สุดคือ กลุ่มที่มีอายุสูงกว่า 60 ปีมีถึงร้อยละ 30.1  และผู้สูงอายุระหว่าง 50 – 59 ปีมีถึงร้อยละ 20  ส่วนที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้สูงอายุต้องเสียชีวิตในหน้าหนาว  เช่น มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุ และหนาวตายนอกบ้าน เนื่องจากดื่มสุรา